Click >>>ภาพประกอบ/ภาพระบายสีเกี่ยวกับวันสำคัญทางพุทธศาสนา
Click >>>ประวัติวันอาสาฬหบูชาภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
Click >>>ประวัติวันวิสาขบูชาภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
Click >>>ประวัติวันมาฆบูชาภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่งที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือภาษาปากว่า จำพรรษา ("พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน, "จำ" แปลว่า พักอยู่) พิธีเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง ละเว้นไม่ได้ทุกกรณี การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา
วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางศาสนพุทธที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย
สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย
ในวันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่น ๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา โดยในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช (20 ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า "บวชเอาพรรษา"
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น "วันงดดื่มสุราแห่งชาติ" โดยในปีถัดมา ยังได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ให้ชาวไทยตั้งสัจจะอธิษฐานงดการดื่มสุราในวันเข้าพรรษาและในช่วง 3 เดือนระหว่างฤดูเข้าพรรษา เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีให้แก่สังคมไทย
Buddhist Lent
The commencement of the three-month Buddhist Lent, Known among Thais as Khao Phansa, traditionally falls on the first day of the waxing moon of the eighth lunar month. During this period, coinciding with the rainy season, Buddhist monks and novices remain closeted in their particular monasteries, discouraged from spending nights elsewhere.
The custom of spending three months of the rainy season in a fixed place is a ritual successfully observed since the time of the Lord Buddha. In those day, however, villagers attributed young seedling damage at the start of the planting season to unnecessary travel by monks. Realizing that monks on pilgrimages could accidentally tread on young plants, the Lord Buddha decreed that his followers spend three months of the rainy season in permanent dwellings.
In cases of necessity, such as taking care of sick monks or parents or conducting religious functions, monks may travel and stay away from their monasteries during this period. However, they are required to return within seven days.
To observe Buddhist Lent, Buddhists usually perform merit making, giving alms to monks, attending sermons and participating in candlelight processions, They also strictly observe Buddhist ethics, especially on holy days.
During the three-month annul “rain retreat,” monks study more and teach those who have chosen this period to enter monkhood. Laymen usually visit temples to offer monks food, clothing, medicine, flower, joss sticks, Lenten candles and other offerings. Such practices they consider highly meritorious.
In ancient times, the number of flowers, joss sticks and small candles presented to a temple was usually equal to the number of monks in that temple. Where there were surplus candles, villagers tended to make numerous small candles into large one for presenting to temples. The large candles being stronger, with more light and longer lasting.
Buddhists believe that offering candles to monks as a means of light will also brighten up their future. These candles are known as Thian Phansa.
To make the Buddhist Lent, a Candle Festival takes place in all parts of Thailand. In the northeastern region, especially Ubon Ratchathani Province, which celebrates its famous Buddhist Lenten Candle Procession each year, the festival takes place on a grand scale.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia.org และ chivalanguage.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น